วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การเลือกสรรผู้นำที่จะมาปกครองมนุษย์ในระบบการปกครองที่ดี

คนดีต้องไม่โตเว้นแต่จะถูกขับเคลื่อนไปด้วยกำลังแรงแห่งธรรมชาติ(สังคมหรือประชาชนเรียกร้องต้องการให้โต)

หากท่านต้องการเป็นผู้ยิ่งใหญ่หรือผู้นำโปรดพิจารณาคุณสมบัติ((Properties) ต่อไปนี้

1.ท่านวิเศษวิโสมาจากที่ใดกันหรือ (Who are you?) (เป็นลูกเทพเทวดาใช่หรือไม่ หรือท่านเป็นเทพหรือเซียนทำนองเช่นว่านั้นหรือ)

2.ท่านมีความชอบธรรม (Legitimacy)อันใดที่จะดำรงตำแหน่งเช่นนั้น (ได้รับการเลือกตั้ง...สรรหา...ซื้อเสียง...ใช้เงิน...หรือยอมมอบชีวิตอันไร้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์...หรือท่านสอบแข่งขัน...ตามวาระหรืออาวุโส...)

3.ท่านมีสิ่งใดที่เหนือผู้อื่นในการทั่วไป (Generalization) และในการเฉพาะ (Specification)(เป็นนักการทูต... นักธรรมเอก...มหาเปรียญ 9... ดารา... นักดาบ...นักมวย...)

4.ท่านมีสติปัญญา (Wisdom) ความรู้ (Knowledge) ความสามารถ (Capability)เพียงใดกันหรือ (จบมาสูง เคยทำงานหรือเปล่า หรือเคยแต่อายุยังน้อย หรือไม่รู้อะไรเลย อย่างนี้มั่ว)

5.ที่สำคัญ ท่านมีจริยธรรม(Morality) (ทาน,ศีล,ภาวนา) และความรับผิดชอบ (Responsibility)เพียงใด

6.เอาง่ายๆ ทุกวันนี้ท่านได้มาและทำงานอะไรบ้าง ณ ที่ทำการของท่าน(What do you do in your office?)


วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วงจรความชั่วร้ายแห่งวัฒนธรรมแป๊ะในการบริหารและการปกครอง

ที่จะนำมาเสนอต่อไปนี้ขอตั้งชื่อว่า วงจรแห่งความชั่วร้ายแห่งวัฒนธรรมแป๊ะในการการบริหารและการปกครองซึ่งได้ข้อมูลจากข้อเขียนของท่านผู้รู้ท่านหนึ่ง และเห็นว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านผู้เยี่ยมชมเว็บบล็อกนี้

ท่านผู้รู้ท่านนี้บอกว่า ในวงการต่างๆในประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย (Uderdeveloped Countries) จะมีวัฒนธรรมแป๊ะ ซึมซับอยู่ในระบบการทำงาน ทั้งในวงราชการและวงการของเอกชน แต่รู้สึกว่าจะหนาหูหนาตามากเป็นพิเศษในวงราชการ วัฒนธรรมแป๊ะนี้ อาจเรียกในวิชาการทางรัฐศาสตร์ได้ว่าเป็นระบบอุปถัมภ์(Spoils System) ของการทำงาน ซึ่งมีสาระสำคัญและน่าสนใจเป็นดังนี้

1.นิยามความหมายของคำว่า แป๊ะ

แป๊ะคือใคร แป๊ะคือผู้มีอำนาจในองค์กร อาจเป็นผู้มีอำนาจในองค์กรของภาคเอกชน หรือ ภาคราชการหรือรัฐการของประเทศนั้นๆ  เป็นผู้มีอำนาจ หรืออิทธิพล สามารถกำหนด บังคับ ควบคุม กำกับ ความเป็นไปของพฤติกรรมของลูกแป๊ะ เป็นต้นว่า ให้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนขั้น ให้โอกาส ให้แหล่งทำมาหากิน ผลประโยชน์และการใดก็ตาม ที่ลูกแป๊ะกระทำลงไปนั้น ก็เพื่อแป๊ะทั้งสิ้น บางครั้งลูกแป๊ะยอมให้ภรรยานอนร่วมประเวณีกับแป๊ะ หรือลูกแป๊ะยอมนอนร่วมประเวณีกับแป๊ะเสียเอง หรือกระทำการใดๆที่ตอบสนองความต้องการแห่งแป๊ะ

2.นิยามความหมายของคำว่า ลูกแป๊ะ

ลูกแป๊ะคือใคร ลูกแป๊ะ หมายถึง บุคคลผู้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาแห่งแป๊ะ กล่าวคือ เป็นผู้ต้องเชื่อฟังแป๊ะ ปฏิบัติตามแป๊ะ รับใช้แป๊ะ พลีชีพเพื่อแป๊ะ แล้วในที่สุดก็จะเป็นแป๊ะตัวต่อไป เมื่อเป็นแป๊ะตัวต่อไปแล้ว ก็จะมีลูกแป๊ะใหม่เกิดขึ้นมา  เป็นวงจรแห่งความชั่วร้ายที่ไม่รู้จบ (Infinite Vicious Cycle)

3.หายนะแห่งแป๊ะ ลูกแป๊ะ และประเทศชาติ

แป๊ะและลูกแป๊ะ หาได้ทำประโยชน์แก่สาธารณะไม่ แต่กำลังทำลายล้าง ดิน น้ำ ป่า อากาศ  แร่ธาตุ พลังงาน และวิถีชีวิตแห่งมวลสรรพสิ่งและสรรพสัตว์  ได้ชื่อในภาษาทางรัฐศาสตร์และทางกฎหมายว่า เป็นอาชญากรทางวัฒนธรรม (Cultural Criminal) และเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่คอยฉุด กระชาก ลาก ดึง ประเทศชาติบ้านเมืองให้ตกอยู่ในวังวนของวัฒนธรรมแป๊ะ อันเป็นวัฒนธรรมของประเทศที่ด้อยพัฒนาหรือกำลังพัฒนาต่อไปอย่างไม่รู้จบ.

วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553

๑.กระบวนการเรียนรู้ทางการเมือง

สร้างกระบวนการประทับ ปลูกฝัง กล่อมเกลา เรียนรู้และเข้าใจถึงระบบความเชื่อ
ค่านิยม วัฒนธรรมและประเพณีทางการเมืองอย่างมีเหตุมีผล
(สร้างกระบวนการเรียนรู้ทางการเมืองตั้งแต่ทารก เด็กยันแก่และตายลง)

๒.นำคนเข้าสู่ระบบ


สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองตั้งแต่ การรับรู้ เข้าถึง ขอ คัด ตรวจ ติ  ชม ทำความเห็น วิพากษ์วิจารณ์ โต้แย้ง  เรียกร้อง ชุมนุม ต่อต้าน เดินขบวน ประท้วง แต่ไม่รวมตลอดถึงก่อวินาศกรรม โจมตี ปฏิวัติ ล้มล้าง ทำลาย เผา และสถาปนาขึ้นใหม่ เนื่องจากเป็นการใช้ความรุนแรงที่ขาดความชอบธรรม แม้ประชาชนจะมีอำนาจตามธรรมชาติในการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองหาใช่ผู้นำมากำหนดชะตากรรมหรือวิถีชีวิตได้ไม่ก็ตาม แต่ถึงอย่างไรก็ตามหากระบบการเมืองเก่าขาดประสิทธิภาพในความตอบสนองความต้องการของมวลสมาชิกทางการเมืองได้อย่างเป็นธรรมแล้ว โดยตัวระบบการเมืองเองจะไปสู่ภาวะเช่นว่านั้น ทั้งนี้หาจำต้องอาศัยแรงกดดันหรือแรงเสริมจากภายนอกประเทศไม่ ภาวะเช่นนี้เรียกว่า ระบบการเมืองระเบิดจากภายในซึ่งเป็นการทำลายโครงสร้างระบบการเมืองและวัฒนธรรมเก่าอย่างสิ้นเชิง.

๓.ระบบปราสาทการเมือง


สร้างกระบวนการสื่อสารมวลชนให้เป็นกลไกถ่ายเทข้อมูลข่าวสารให้ไหลเวียนทั่วทั้งระบบการเมือง ดังเส้นประสาทของสิ่งมีชีวิตที่มีการรับรู้ ตอบสนอง แต่ทั้งนี้กระบวนการที่สร้างนั้นต้องไม่เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งรัฐ หรือสร้างสถาบันสื่อสารมวลชนให้นำเสนอข้อเท็จจริงต่อมวลสมาชิกทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้มวลสมาชิกรับรู้และนำไปใช้ในกระบวนการตัดสินใจต่อระบบการเมืองต่อไป การสร้างกระบวนการสื่อสารนั้นอาจหมายถึงเส้นประสาทของระบบสิ่งมีชีวิตที่มีการรับรู้และตอบสนองต่อระบบการเมือง ข่าวสารในระบบการเมืองต้องไม่ถูกปกปิด บิดเบือนหรือสร้างข่าวสารอันเป็นเท็จเพื่อประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สถาบันสื่อสารมวลชนต้องทำหน้าที่ ตรวจสอบ ตีแผ่ข้อมูลข่าวสารให้มวลสมาชิกได้รับรู้ เช่นกระบวนการเลือกสรรข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ต้องกระทำโดยเปิดเผยเป็นธรรม.

๔.ระบบโครงสร้างอำนาจรัฐ


กำหนดโครงสร้างการใช้อำนาจรัฐในลักษณะมีการตรวจสอบ ถ่วงดุล โยงใยแบบเมตริกโดยแต่ละองค์กรที่กำหนดหรือสร้างขึ้นมานั้นมีขนาดเล็ก อิสระ คล่องตัว เคลื่อนไหวเร็ว มีระบบบริหารจัดการที่ทันสมัย ปรับตัวทันต่อการตอบสนองภารกิจ หน้าที่และสิ่งแวดล้อม แต่องค์กรซึ่งเป็นกลไกตรวจสอบอำนาจรัฐต้องไม่มากหรือมีกลไกตรวจสอบล่าช้าจนไร้ผลหรือถึงขนาดเป็นอุปสรรค สิ้นเปลือง หรือทำให้ระบบการเมืองขาดประสิทธิภาพ (องค์กรหรือระบบที่ดีหมายถึงการที่องค์กรหรือระบบหรือหน่วยราชการมีความแม่นยำ รวดเร็ว และเที่ยงตรงในการตอบสนองความต้องการของประชาชน)

๕.ระบบการสรรหาเจ้าหน้าที่ทางการเมือง


สร้างกระบวนการที่มา กำหนด คัดเลือก สรรหา จัดการ ควบคุมและลงโทษซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง(ข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำ) อย่างมีความต่อเนื่องภายใต้ สันดาน พื้นเพและอัธยาศัย รวมตลอดถึงมีกระบวนการตรวจสอบรายการทางการเงินและสินทรัพย์และหนี้สิ้น ดังเช่นการตรวจร่างกายของแพทย์ที่ทราบความดัน อุณหภูมิ ชีพจรร่างกายผู้ป่วย หรือฐานะองค์กรจากงบดุลทางบัญชีฉันนั้น ทั้งนี้เพื่อทราบถึงอุณหภูมิการทุจริต คอรัปชั่นหรือการได้สิ่งใดมาอย่างไม่ชอบธรรม.

๖.ระบบศีลธรรมทางการเมือง


สร้างกระบวนการเฉพาะเจาะจงในเรื่อง ค่านิยม ความเป็นเหตุเป็นผลทางโลก ยึดรูปแบบการปกครองโดยกฎหมายหรือนิติรัฐ นิยมรัฐธรรมนูญ ยึดมั่นในจริยธรรมและความรับผิดชอบ เป็นต้นว่า เราจะต้องไม่อัปรีย์ ผี เปรต หรือเราต้องไม่อยู่ร่วมกันอย่างผีๆ เปรตๆ สัตว์ๆ หรือเราจักต้องระลึกถึงในสิ่งต่อไปนี้คือ ไม่เป็นผี   ไม่เป็นเปรต ไม่เบียดเบียนและดำรงไว้ซึ่งสันติสุขแห่งมวลสิ่งมีชีวิต รวมตลอดถึงทรัพยากร ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม พลังงาน ดิน น้ำ ป่า อากาศ.

๗.สิ่งแวดล้อมทางการเมือง


สร้างกระบวนการจัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อรูปแบบการเมืองการปกครองหรือระบบการเมือง เป็นต้นว่า ระบบเศรษฐกิจต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อมวลสมาชิกทางการเมือง ระบบสังคมต้องไม่มีระยะห่างทางสังคมกันมาก การครอบครองทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน ดิน น้ำ ป่า อากาศต้องได้ดุลยภาพในหมู่มวลสมาชิก หรือเกิดดุลยภาพในการอยู่ร่วมกัน ต้องไม่ทำให้ระบบการเมืองมีความรู้สึกไม่พอใจต่อระบบ ต้องมีกระบวนการกำหนด จัดการ ควบคุม และกระจายสิ่งที่มีคุณค่าทางสังคมอย่างเป็นธรรม.

๘.ซอฟแวร์ของระบบการเมือง


ซอฟแวร์ของระบบการเมือง คือ ศาสนา, ระบบความเชื่อ, วัฒนธรรม,
แนวคิด, ค่านิยม, อุดมการณ์, ทัศนะ และรวมตลอดถึงสิ่งที่ผู้นำสร้างขึ้นมา
เพื่อให้สมาชิกปฏิบัติตาม.